[Fic Red Velvet] : Not My Type At All [SeulRene]
เบ จูฮยอนไม่ใช่สเป็คของฉันเลยสักนิด...
ผู้เข้าชมรวม
3,119
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
คำเตือน : การสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อาจส่งผลเสียต่อร่างกายและอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Not My Type At All
I lose my self
But she’s not my type at all
ฉันมีสเป็คคนในฝันเป็นของตัวเองตั้งแต่อายุประมาณ 10 ขวบ อาจจะเพราะว่าอ่านนิยายโลกสวยมากเกินไป ฉันจึงตั้งปณิธานว่าถ้าหากจะตกหลุมรักใครสักคน เขาจะต้องเป็นคนที่คุยสนุกถูกคอ มีอารมณ์ขันเข้ากันได้ทุกเรื่อง มีระเบียบ ไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่ และถ้าจะให้ดีเขาควรจะเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน ฉันไม่ต้องการมาคอยอยู่ในโอวาทของคนที่อายุมากกว่าหรือคอยดูแลคนที่เด็กกว่า และเพราะว่ามีข้อจำกัดที่เยอะเหลือเกิน ถึงตอนนี้ฉันในวัย 20 ปีจึงยังไม่เคยได้ตกหลุมรักใครเลยสักครั้ง
และฉันก็ไม่เคยคิดว่าจะสามารถตกหลุมรักใครสักคนที่อายุมากกว่าถึง 7 ปีแถมยังไม่ค่อยจะมีอารมณ์ขัน มีความสนใจที่แตกต่างจากฉันในแทบทุกเรื่อง ดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ได้ สูบบุหรี่เล็กน้อย ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องการแต่งตัวหรือทรงผมของตัวเอง และที่สำคัญคนคนนั้นยังเป็นผู้หญิงเหมือนกันกับฉัน ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่สเป็คของฉันเลยสักนิด
เบ จูฮยอนไม่ใช่สเป็คของฉันเลยสักนิด...
“ขอโทษอีกที เธอชื่ออะไรนะ?”
“คัง ซึลกิค่ะ”
หญิงสาวหน้าเด็กในชุดเสื้อยืดสีดำย้วยๆกับกางเกงยีนส์รัดรูปถามเด็กสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหารขณะที่ยกมือขึ้นรวบผมยุ่งเหยิงของตัวเองขึ้นมัดอย่างลวกๆ เธอดูเหมือนจิตรกรไส้แห้งที่เพิ่งจะขุดตัวออกจากบ้านมานั่งมองอาหารระดับภัตตาคารบนยอดตึกของโรงแรมห้าดาวอย่างไม่เต็มใจ แสงสีของเมืองที่อยู่ด้านนอกกระจกใสถึงจะสวยงามเพียงใดก็ดูจะไม่ทำให้เธอเพลิดเพลินไปกับมันได้
“ที่จริง...คุณไม่ต้องสั่งอาหารมาเยอะขนาดนี้ก็ได้นะคะ”
ฉันพูดทำลายความเงียบขึ้นมาอีกครั้งหลังจากประโยคสุดท้ายเว้นช่องว่างให้ฉันและเธอหลบตากันและนั่งมองอินทรีย์สารที่ถูกทำให้สุกและปรุงรสพร้อมตกแต่งซะสวยจนไม่กล้าเอาเข้าปาก ฉันเดาว่าทั้งหมดนี่จะต้องมีราคามากกว่าครึ่งหนึ่งของค่าเทอมของฉันแน่นอน ฉันคงไม่มีปัญญาช่วยจ่ายในเมื่อยังต้องทำงานพาร์ทไทม์เลี้ยงตัวเองอยู่และฉันก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำอย่างนั้นด้วย อันที่จริงนี่ไม่ใช่การนัดบอดของฉันด้วยซ้ำ
ที่ฉันต้องมานั่งทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงนี้ก็เพราะถูกรูมเมทผู้รักการเที่ยวสังสรรค์เป็นชีวิตจิตใจขอให้มาแทนหลังจากเกิดไข้ขึ้นกะทันหันจนต้องนอนพักอยู่ที่หอ เธอขอร้องให้ฉันช่วยมารับหน้าและขอโทษคู่นัดบอดจากเว็บหาคู่ด้วยเขาบอกว่าจองดินเนอร์ของโรงแรมไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่สามวันก่อน จะให้โทรมาบอกตอนนี้ก็ดูจะน่าเกลียดมากไป
โดยที่ไม่รู้เลยว่าคู่นัดของเธอเองก็เบี้ยวนัดเหมือนกัน แถมยังส่งผู้หญิงหน้าตาสะสวยแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ว่าตัวเองสวยมาเพื่อขอโทษเช่นเดียวกัน
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เฮียอยากให้เลี้ยงขอโทษเธอ ไม่สิ เพื่อนของเธอ...อ่า...ไม่ เธอนั่นแหละ เพราะเธอเป็นคนมา”
มองท่าทางเงอะงะของคนตรงหน้าแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ ก่อนหน้านี้จูฮยอนอธิบายเสียยืดยาวว่าคนที่ผิดนัดเป็นพี่ชายแท้ๆของเธอ เขาถูกเรียกตัวไปทำงานที่จีนตั้งแต่เมื่อวานและวันนี้ก็กลับมาไม่ทัน(เมื่อได้ยินประโยคนี้ฉันก็อยากจะโทรไปขอเทคนิคการหาคู่เดทรวยๆจากรูมเมทเสียเดี๋ยวนั้นเลย) เขาขอร้องแกมบังคับให้จูฮยอนมาแทน เธอเลยต้องรีบบึ่งจากร้านขายอุปกรณ์การช่าง(คุณอ่านไม่ผิดหรอก)ของตัวเองมายังโรงแรมโคตรหรูนี่
เราคุยสัพเพเหระเพื่อทำลายความอึดอัดและพยายามจะจัดการอาหารที่สั่งมาให้หมดด้วยความเสียดาย ฉันตกใจมากเมื่อรู้ว่าจูฮยอนอายุ 27 ปีเข้าไปแล้วเพราะหน้าตาของเธอดูไม่ห่างจากฉันมากนัก แต่ถึงจะดูหน้าเด็กยังไง เวลาที่ยิ้มหรือหัวเราะริ้วรอยที่หางตาของจูฮยอนก็ปรากฏชัดเจนราวกับไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองเท่าไหร่ เธอมีแฟนหนุ่มอายุเท่ากันที่คบมาเกือบจะหกปีแล้ว ที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอมีแหวนพลาสติกสีดำเหมือนของเล่นเด็กสวมอยู่ เธอบอกว่าเขามอบให้เป็นการจองไว้ก่อน ถ้าได้แต่งงานเมื่อไหร่แหวนพลาสติกคงถูกแทนที่ด้วยแหวนเพชร
จูฮยอนเป็นคนประเภทที่ฉันคิดว่าไม่น่าจะคบเป็นเพื่อนได้ด้วยนิสัยส่วนตัวที่เริ่มเปิดเผยเมื่อได้คุยกันมากเข้า ทั้งเรื่องการดูแลตัวเอง อารมณ์ขัน เรื่องทัศนคติทางสังคมและวัฒนธรรมหรือแม้กระทั่งการทาน ดื่ม หรือสูบ
“ที่นี่สูบบุหรี่ได้ไหมนะ?”
เธอโพล่งขึ้นมาขณะที่ฉันกำลังละเลียดคอร์สของหวานเพื่อหลีกเลี่ยงการถกเถียงไม่รู้จบในหัวข้อเรื่องอาบน้ำตอนเช้าหรือตอนเย็นสำคัญมากกว่ากัน ฉันพอจะรู้แล้วว่าทำไมเธอจึงดูแก่ทั้งที่หน้าเด็ก ก็เธอเล่นดื่มไวน์ขวดใหญ่คนเดียวไปเกินครึ่งในขณะที่ฉันดื่มแต่น้ำเปล่า แถมตอนนี้ยังถามเรื่องสูบบุหรี่ขึ้นมาอีก
“คิดว่าไม่น่าได้ค่ะ แต่ถึงสูบได้คุณก็ไม่ควรสูบ มันไม่ดีต่อร่างกาย”
“เคยติดเกมหรือติดซีรี่ย์ไหม ซึลกิ?”
เอาอีกแล้ว จูฮยอนมักจะใส่ชื่อของฉันไว้ในประโยคของเธอเสมอ ฉันรู้สึกแปลกนิดๆเวลาที่ถูกเรียกชื่อแล้วจ้องมองเข้ามาในตาแบบนั้น มันเหมือนกับเวลาที่โดนคุณครูมัธยมเรียกให้ยืนขึ้นตอบคำถาม
ฉันพยักหน้าและรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปในตาของคุณครูคนสวยที่จ้องมองมา
“บุหรี่แรงกว่าพวกนั้นหลายเท่า”
พูดจบเธอก็เคาะนิ้วกับโต๊ะและเม้มริมฝีปากราวกับกำลังหงุดหงิดวุ่นวายใจ ฉันไม่เคยสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์แม้ว่าอายุจะบรรลุนิติภาวะมาได้หลายเดือนแล้ว อาจจะเพราะคนรอบตัวของฉันเป็นพวกรักสุขภาพกันทั้งนั้น จูฮยอนดูห่างไกลจากผู้คนที่ฉันคุ้นเคย เธอใช้ชีวิตอย่างโลดโผนและดูเหมือนไม่แคร์สิ่งต่างๆรอบตัว ในขณะเดียวกันกลับมีแรงดึงดูดที่น่าสนใจ
เราสองคนนั่งด้วยกันอยู่อย่างนั้นโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับสิ่งที่พวกเขาเห็น คงเป็นสิ่งที่แปลกทีเดียวที่จะมีเพื่อนสาวสองคนมาดินเนอร์กันที่ชั้นบนสุดของโรงแรมสุดหรูแทนที่จะเป็นคู่เดทหนุ่มสาวอย่างโต๊ะอื่น บางคนอาจจะคิดด้วยซ้ำว่าเรากำลังเดทกัน แต่ก็อยากที่บอก พวกเราไม่ได้สนใจเลย
จูฮยอนยังคงดื่มไวน์ต่อไปเงียบๆ ใบหน้าของเธอเริ่มแดงซึ่งอาจเป็นผลมาจากแอลกอฮอล์ในเลือด ฉันที่จัดการขนมหวานไปเรียบร้อยแล้วชักเป็นห่วงว่าคนตรงหน้าจะไม่สามารถขับรถกลับบ้านได้โดยสวัสดิภาพ
“ฉันว่าคุณควรเลิกดื่มได้แล้ว เดี๋ยวจะขับรถกลับไม่ไหว”
จูฮยอนจ้องมองฉันด้วยดวงตาสวยคู่นั้นอีกครั้ง เธอยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“เธอเป็นใครกันซึลกิ เด็กฝึกงานจากกรมสุขภาพงั้นเหรอ?”
“เปล่าค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องฉันจะขับรถกลับไม่ไหวหรอก ฉันขับไปส่งเธอก่อนยังได้เลย”
น้ำเสียงอวดดีของคนอายุมากกว่านั้นกวนใจฉันมากทีเดียว ทั้งที่เธอแก่กว่าฉันตั้งหลายปีแต่ในบางครั้งฉันก็รู้สึกเหมือนกำลังตักเตือนเด็กหัวรั้นแทนที่จะแนะนำผู้ใหญ่สักคนอยู่
“ฉันทำเธออารมณ์ไม่ดีเหรอ ซึลกิ?”
“คะ?”
“จ้องกันอย่างกับจะหาเรื่องอย่างนั้นน่ะ”
ฉันเพิ่งจะรู้ตัวเดี๋ยวนั้นเองว่าสายตากำลังจับจ้องไปยังหญิงสาวตรงหน้าไม่ลดละ แน่นอนว่าฉันไม่ชอบเธอเลย แต่จูฮยอนไม่ได้ทำให้ฉันอารมณ์ไม่ดี เธอทำให้ฉันสงสัยต่างหาก
สงสัยว่าอะไรที่ทำให้เบ จูฮยอนเป็นเบ จูฮยอนอย่างในตอนนี้ สงสัยว่าทำไมบทสนทนาที่น่าเบื่อและเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วยระหว่างฉันกับเธอถึงได้ดำเนินไปอย่างลื่นไหลและยากที่จะจบลง ฉันเกือบจะหงุดหงิดด้วยซ้ำถ้าหากว่าเสียงหวานปนอวดดีนั่นเงียบไป ความสงสัยนี้มากพอจนเกือบจะทำให้ฉันอารมณ์ไม่ดีเข้าจริงๆ แต่ก็ยังไม่ใช่...
“ข-ขอโทษค่ะ”
หลุบตาลงจากใบหน้าสวยแต่ดูยุ่งเหยิงแต่ก็ยังลากสายตาผ่านรอยยุบระหว่างไหล่ลาดและไหปลาร้าของคนตรงหน้าที่เผยออกมานอกคอเสื้อกว้างๆนั้น นิ้วมือเรียวยังคงเคาะโต๊ะไปมา จังหวะที่ไม่สัมพันธ์กันของนิ้วชี้และนิ้วนางข้างซ้ายที่มีแหวนสีดำเงาสวมอยู่ชวนให้ฉันอยากจะเอื้อมมือไปกุมมือเล็กให้อยู่นิ่งเสียที
“กลับกันเถอะ”
จูฮยอนพูดทำลายเสียงและภาพในหัวฉันที่เริ่มคิดอะไรประหลาดๆ ฉันรู้สึกถึงความร้อนที่เห่อขึ้นมาบนใบหน้าเพราะความคิดที่อยากจะจับมือของผู้หญิงตรงหน้าเมื่อครู่นี้ นี่มันบ้าชะมัด
“แล้วก็...ซึลกิ ฉันพูดจริงนะเรื่องจะขับรถไปส่งเธอ”
ราคาอาหารมื้อนั้นแพงกว่าครึ่งหนึ่งของค่าเทอมของฉันจริงๆ ฉันบอกว่าจะช่วยออกเงินไปเป็นมารยาทเพราะรู้อยู่แล้วว่าคนอายุมากกว่าไม่ยอมแน่ และมันก็เป็นอย่างนั้น ฉันแค่ยอมเสียสละคืนวันศุกร์เพื่อนั่งแท็กซี่ออกมาขอโทษคู่นัดบอดของเพื่อนแต่ดันได้ดินเนอร์สุดหรูกับผู้หญิงแปลกหน้ามาเป็นค่าตอบแทน ฉันนึกอยากจะให้รูมเมทของฉันพัฒนาความสัมพันธ์กับพี่ชายของจูฮยอนให้เร็วที่สุดเพราะลูกบ้านนี้นอกจากใจป้ำแล้วยังใจดีอาสาขับรถไปส่งนักศึกษาผู้ยังไม่มีใบขับขี่ถึงหออีกด้วย
ทีแรกฉันก็ดีใจที่ไม่ต้องเสียค่าแท็กซี่อีกรอบ แต่เมื่อมาถึงลานจอดรถและเข้าไปนั่งบนเบาะข้างคนขับที่จูฮยอนนั่งอยู่ก็เริ่มหวั่นใจว่าจะโดนอีกคนวางยาสลบแล้วพาไปขายอวัยวะภายในแลกเงินหรือเปล่า จูฮยอนล็อครถและนั่งนิ่งปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ สักพักเธอก็เปิดกระจกฝั่งตัวเองและควักบุหรี่จากกระเป๋ากางเกงยีนส์ขึ้นมาสูบ
“ถ้าอยู่กับคุณมากๆฉันคงได้ตายก่อนวัยอันควรแน่”
“หืม?” เธอปล่อยควันสีขาวผ่านริมฝีปากบางออกนอกหน้าต่างก่อนจะหันมาเลิกคิ้วใส่ฉัน
“มีสองอย่างให้เลือก รถชนตายเพราะเมาแล้วขับกับเป็นมะเร็งปอดตายเพราะต้องนั่งดมควันบุหรี่จากคุณ”
จูฮยอนหัวเราะในลำคอก่อนจะทิ้งบุหรี่ในมือลงนอกตัวรถอย่างไม่ใส่ใจ เธอปิดกระจกและสตาร์ทรถ
“ฉันชอบเด็กแบบเธอนะ พูดตรงดี”
“แต่ฉันไม่ใช่คนแบบที่เธอชอบเลยล่ะสิ ซึลกิ?”
แน่นอนที่สุด จูฮยอนไม่ใช่คนที่ฉันอยากจะคบไว้เป็นเพื่อนหรือแม้แต่คนรู้จัก ฉันตัดสินและวิจารณ์วิธีการดำเนินชีวิตของเธอแต่ก็ยังยอมรับข้อเสนอทุกอย่างที่เธอยื่นมาให้ ฉันไม่ชอบคำพูดบางคำของเธอแต่ก็ยังนั่งฟังและไม่ปล่อยให้บทสนทนาหยุดลง ฉันไม่ชอบที่เธอมัดผมยุ่งๆของตัวเองแบบไม่ใส่ใจแต่ก็ไม่คิดอยากจะให้เธอมัดใหม่ให้ดีกว่าเดิม ฉันไม่ชอบเวลาที่ถูกมองด้วยแววตาอวดดีของเธอแต่ก็อยากจะมองมันตอบอีกสักครั้ง
“ไม่ใช่ว่าไม่ชอบหรอกค่ะ คุณแค่...ไม่ใช่สไตล์ของฉัน”
เพราะทุกครั้งที่เธอเรียกชื่อฉัน ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นอย่างอื่น ไม่ใช่คัง ซึลกิอย่างที่เคยเป็น ฉันรู้สึกเหมือนเป็นอะไรบางอย่างที่มีแต่เธอผู้เดียวที่รู้จัก อาจจะเป็นขอบโต๊ะที่เธอเคาะเมื่อกระวนกระวายใจ เป็นขอบแก้วไวน์ที่เธอจิบ หรือเป็นควันบุหรี่ที่ผ่านริมฝีปากและปลายนิ้วของเธออกไปนอกตัวรถ
เธอยิ้มออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้มันทำให้ฉันยิ้มตามเหมือนคนบ้า นี่มันไม่มีเหตุผลเลยสักนิด จูฮยอนเองก็รู้ว่ามันไม่มีเหตุผลแต่เราก็ยังจะยิ้มให้กันอยู่อย่างนั้น ชั่ววูบหนึ่งฉันคิดว่าตัวเองอาจจะเสียสติไปแล้วที่รู้สึกดีมากขนาดนี้
ฉันมีเจ้าชายในฝันเป็นของตัวเองและไม่เคยคิดว่าจะสามารถตกหลุมรักใครสักคนที่อายุมากกว่าถึง 7 ปีแถมยังไม่ค่อยจะมีอารมณ์ขัน มีความสนใจที่แตกต่างจากฉันในแทบทุกเรื่อง ดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ได้ สูบบุหรี่เล็กน้อย ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องการแต่งตัวหรือทรงผมของตัวเอง และที่สำคัญคนคนนั้นยังเป็นผู้หญิงเหมือนกันกับฉัน
แต่ฉันก็ไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบายความรู้สึกที่มีต่อคนชื่อเบ จูฮยอนให้ตรงกับความหมายมากที่สุด ฉันภาวนาให้เส้นทางจากโรงแรมไปยังหอพักยาวกว่าเดิมเป็นสองเท่าแต่แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ ฉันทำเป็นมองถนนและแสงไฟข้างทางราวกับไม่สนใจแต่ก็อดที่จะเหลือบไปมองคนที่กำลังขับรถอยู่ไม่ได้ เธอจอดรถที่ด้านหน้าหอพักของฉัน ก่อนจะลงฉันบอกขอบคุณเธอสำหรับอาหารและที่ขับรถมาส่ง เธอเองก็รั้งฉันไว้ด้วยประโยคสั้นๆ
“ขอบคุณที่มานั่งคุยเป็นเพื่อน เธอคุยสนุกดี”
“เรียกว่ามานั่งเถียงกันดีกว่าค่ะ”
ฉันหัวเราะ เธอเองก็หัวเราะจนริ้วรอยที่หางตาปรากฏขึ้น ฉันคิดว่าพี่ชายของจูฮยอนคงไม่ได้ข้อมูลเรื่องรูมเมทของฉันมากกว่าคำบอกเล่าจากปากที่ฉันพูดให้เธอฟังก่อนหน้านี้ และฉันก็คงอธิบายลักษณะของพี่ชายของเธอกับรูมเมทได้แค่เป็นคนฐานะดี ถูกเรียกตัวไปทำงานต่างประเทศบ่อย และอาจจะมีนิสัยแปลกเหมือนน้องสาว
ไม่หรอก...คงไม่มีใครเหมือนเบ จูฮยอนอีกแล้ว
พวกเขาอาจจะทำความรู้จักกันต่อไป(หมายถึงพี่ชายของจูฮยอนและรูมเมทของฉัน)และอาจจะถึงขั้นนัดกันไปดินเนอร์อีกครั้ง และฉันไม่คิดว่าครั้งต่อไปจะเกิดข้อผิดพลาดที่เหมาะเจาะเหมือนวันนี้อีก นั่นทำให้ฉันพอจะรู้ตัวว่าคงไม่ได้เจอเบ จูฮยอนอีก มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในเมื่อโลกของเราสองคนแตกต่างกันมาตั้งแต่แรกแล้ว ฉันไม่ใช่คนประเภทที่ดึงดูดความสนใจจากจูฮยอนได้ เธอเองก็ไม่ใช่คนที่ฉันอยากไปไหนมาไหนด้วยในขณะที่ยังมีความรักตัวกลัวตายอยู่
เธอยิ้มให้ฉันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ประตูรถจะปิดลง ฉันคำนับเธอและปล่อยให้รถคันเล็กเคลื่อนตัวออกไป ห่างออกไปจนลับตา แปลกดีที่กลิ่นควันบุหรี่ของเธอยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูกของฉัน ฉันเกลียดกลิ่นบุหรี่ แต่ในสถานการณ์นี้ฉันหวังว่ามันจะยังคงอยู่ไปอีกหลายชั่วโมงเพื่อย้ำเตือนว่าการพบกันของฉันและจูฮยอนไม่ได้เป็นความฝัน
แม้จะเพิ่งพบและจากกันแต่ตอนนี้ฉันกลับคิดถึงเสียงของเธอเสียแล้ว คิดถึงวิธีพูดของเธอที่มักจะเติมชื่อฉันเข้าไปในประโยค คิดถึงจังหวะของปลายนิ้วที่เคาะโต๊ะเมื่อเธอรู้สึกอยากสูบบุหรี่และสีหน้ามั่นใจเมื่อได้ต่อปากต่อคำกัน คิดถึงยางมัดผมที่ไม่ได้ช่วยให้ทรงผมเธอดูยุ่งเหยิงน้อยลงและคิดถึงแหวนพลาสติกสีดำเงาที่เธอได้มาจากแฟนหนุ่มของเธอ
ฉันคิดถึงเธอ แต่ฉันไม่หวังว่าจะได้เจอเธออีก แน่นอนว่าฉันเสียดายที่การพบกันครั้งนี้สั้นเหลือเกิน แต่ฉันคงไม่เสียใจจนฟูมฟาย ถึงนี่จะเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกแบบนี้ แต่ฉันก็ไม่อยากจะพัฒนาให้มันลึกซึ้งมากขึ้นไปอีก
ก็เบ จูฮยอนน่ะไม่ใช่สเป็คของฉันเลยนี่นา...
Fin.
ฟังเพลงนี้แล้วนึกถึงสองคนนี้ ไม่รู้ทำไม สุดท้ายเลยมือลั่นแต่งเป็นเรื่องเป็นราวเลย #เรื่องนี้จะต้องไม่ถึงหูเวนกิ ถ้าอ่านแล้วงงก็ไม่แปลกนะคะ เราอยากให้มันงงๆอึนๆนี่แหละ ก็แล้วแต่จะตีความกันไป
ขอบคุณทุกคนที่ผ่านเข้ามาอ่านค่ะ -/\-
ผลงานอื่นๆ ของ Wandyomg ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Wandyomg
ความคิดเห็น